หลังจากงาน build 2014 ที่ Microsoft จัดขึ้นวันที่ 2 เมษายน 22.30 ตามเวลาในประเทศไทยที่เพิ่งผ่านมาสดๆ ร้อนๆ พระเอกของงานคงหนีไม่พ้นการเปิดตัว Windows Phone 8.1 Blue ที่เหล่าบรรดาสาวกต่างเฝ้านับวันรอให้ถึงวันนี้กันทั่วโลก ส่วนใครที่ลงทะเบียน Developer Preview ไว้ ก็คงจะได้รับการแจ้งเตือนการอัพเดตกันแล้วในวันนี้ (บางคนได้รับอัพเดตก่อนงานเริ่มซะอีก)
ผมก็เลยจะขอสรุปฟังก์ชั่นหลักๆ ที่ทุกคนอยากรู้ของเจ้า Windows Phone 8.1 Blue (ที่มีเยอะมาก จนกลัวว่าจะเขียนไม่หมด) เท่าที่จะรีบเขียนได้มาให้ทุกท่านที่ได้ดูและพลาดการถ่ายทอดสดงานวันนี้มาฝากแบบรวดเร็วถึงใจกันให้เห็นภาพกันไปเลย ถ้าพร้อมแล้วก็เริ่มเลยครับ 🙂
- LiveTiles
ยังคงปรับได้ 3 ขนาดเท่าเดิม แต่สามารถใส่ภาพ Background เข้าไปแล้วแสดงผลเป็น Background รูปภาพแบบ Parallax (ใครนึกไม่ออกให้นึกถึง Background ของ Android ที่จะเลื่อนตามการปัดหน้าจอ แต่ใน WP จะเลื่อนเป็นแนวตั้งแทน) พร้อมทั้งมือถือที่มีหน้าจอเล็กๆ ยังสามารถเลือกเปิดฟังก์ชั่นที่ทำให้เพิ่ม Tile เป็น 3 แถวแบบ 1520 ได้อีกด้วย
- Storage Sense
ผู้ใช้สามารถติดตั้งแอพผ่านเมมโมรี่การ์ดได้แล้ว แต่จะไม่สามารถย้ายเมมโมรี่การ์ดนี้ไปยังเครื่องอื่นได้ (หากย้ายตัวเครื่องจะขอให้ทำการฟอร์แมตการ์ดก่อน) พร้อมทั้งสามารถย้ายการติดตั้งแอพพลิเคชั่นจากเครื่องไปการ์ด หรือการ์ดไปเครื่องได้ โดยการจัดการแอพพลิเคชั่นนี้จะสามารถทำผ่านเมนู “storage sense” ในการตั้งค่า ซึ่งในเมนูนี้ เราจะสามารถตั้งค่าเพิ่มเติมให้สามารถเก็บภาพ, เพลง, เกมส์, แอพ, พอตแคสต์ หรือไฟล์ต่างๆ ที่เราดาวน์โหลดไว้ในเครื่องหรือเมมโมรี่การ์ดได้อีกด้วย และในส่วนของหน้ารวมแอพพลิเคชั่นตัวระบบจะมีข้อความ (new) บอกเราด้วยว่าเราเพิ่งโหลดแอพพลิเคชั่นอะไรมาใหม่
- Data Sense
นอกจากมันจะเอาไว้ดูปริมาณการใช้งานอินเตอร์เน็ตแล้ว ในเวอร์ชั่นนี้เราสามารถตั้งค่าให้เครื่องสามารถตัดการใช้งาน Internet Data เมื่อถึงปริมาณที่เราตั้งเอาไว้ได้ โดยระบบจะทำการปิดการใช้งานอินเตอร์เน็ต รวมถึงการอัพเดตข้อมูลต่างๆ ของเรื่องที่ทำงานเบื้องหลัง โดยอัตโนมัติ
- Batery Power Sense
นอกจากชื่อที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยและการเปิดโหมดประหยัดพลังงานเมื่อแบตเตอร์รี่เหลือน้อยแล้ว ฟังก์ชั่นนี้ยังเพิ่มความสามารถให้เราสามารถเช็คได้ด้วยว่าพลังงานในมือถือของเรานั้นถูกใช้งานไปกับแอพใด และเท่าไหร่บ้าง รวมถึงยังสามารถเลือกเปิดปิดการทำงานแบบเบื้องหลังแต่ละแอพ เพื่อลดการใช้พลังงานได้อีกด้วย
- Wi-Fi Sense
นอกจากความสามารถเดิมที่ใช้ระบบแผนที่หาที่ตั้งของ Wi-Fi รอบตัววเราได้แล้ว เรายังสามารถใช้ Windows Phone ของเราที่ต่อไวไฟเครื่องข่ายใดๆ ก็ตาม ปล่อยสัญญาณไวไฟนั้นๆ ให้อุปกรณ์อื่นอีกทีโดยที่อุปกรณ์เหล่านั้นไม่ต้องใส่รหัสใดๆ เลยแม้แต่น้อย (สุดยอด)
- Notification and Action Center
ใน WIndows Phone 8.1 สิ่งที่สำคัญที่สุดคงหนีไม่พ้นการแจ้งเตือนที่ถูกปรับปรุงใหม่ทั้งหมด โดยเราสามารถลากแถบ Notification ลงมาได้เหมือนกับ OS อื่นๆ แต่สิ่งที่มีเพิ่มเข้ามาคือส่วนที่เรียกว่า Quick Setting ที่เราสามารถสร้างทางลัดเข้าสู่การเปิดปิดฟังก์ชั่นต่างๆ ได้ 4 ไอคอน (มือถือที่มีหน้าจอ 5 นิ้วขึ้นไปจะตั้งได้ 5 ไอคอน) อีกทั้งแต่ละแอพพลิเคชั่นสามรรถแจ้งเตือนได้ถึง 20 ข้อความ และแจ้งเตือนแบบ Realtime จริงๆ ไม่ช้าเหมือนเดิมแล้วครับ เนื่องจาก Microsoft ได้ทำการสร้างเซิฟเวอร์เพื่อจัดการ Notification แบบใหม่ที่เคลมว่ามีประสิทธิภาพมากกว่า OS อื่นๆ ในปัจจุบัน ปล.ถ้าเราลากแถบนี้ลงมาเพียงเล็กน้อยเราจะสามารถดูเปอร์เซ็นแบตเตอร์รี่ได้แล้ว (น้ำตาจะไหล)
- Lock Screen
เราสามารถโหลดแอพพลิเคชั่นต่างๆ มาทำเป็นหน้าจอล็อคสกรีนได้ (ปกติแล้วจะแสดงเป็นวอลเปเปอร์ที่โชว์ข้อมูลต่างๆ) แต่ใน Windows Phone 8.1 จะแสดงเอฟเฟคและเคลื่อนไหวได้อย่างสวยงามขึ้นอยู่กับแอพนั้นๆ โดยแอพแรกที่รองรับระบบนี้ก็เป็นของผู้สร้าง 6tag อันเลื่องชื่อนั่นเอง (ส่วนชื่อแอพอะไรผมจะรีบอัพเดตนะครับ)
- Cortana
ผู้ช่วยสุดอัจฉริยะที่ Microsoft เผยว่าเป็นระบบผู้ช่วยที่ดีที่สุด และเรียนรู้รูปแบบการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคนได้อย่างดี ทำให้ประสบการณืการใช้งานระบบผู้ช่วยของแต่ละคน แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง (สังเกตได้จากตอนเริ่มใช้งานครั้งแรก ระบบจะมีชุดคำถามให้เราตอบเพื่อประมวลผลตัวตน รูปแบบไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้แต่ละคน) ทำให้ผลการค้นหาต่างๆ จะตรงกับความต้องการของเจ้าของเครื่องมากยิ่งขึ้นกว่าระบบทั่วไป ซึ่งฟังก์ชั่น Cortana ในขณะนี้จะไม่รองรับภาษาไทย แตาหากใครอยากทดลองใช้งานก็สามารถเปลี่ยน Country & Region เป็น US ก็ได้ใช้แล้วครับ ซึ่งผมบอกได้เลยว่ามันค่อนข้างฟังสำเนียงภาษาได้หลายรูปแบบ และทำงานผ่านการสั่งงานด้วยประโยคต่างๆ ได้เยอะมาก ซึ่งระบบค้นหาในเวอร์ชั่นนี้จะมีความสามารถเหมือน Windows 8.1 บน PC ที่สามารถค้นหาทุกอย่างที่อยู่ในเครื่อง, SD card และในอินเตอร์เน็ตได้ทั้งหมดพร้อมกับ (Universal Search)
- Multitasking
เราสามารถกดเรื่องหมาย Back ค้างไว้ และปัดแอพลงด้านล่างเพื่อปิดแอพนั้นๆ ได้
- Windows Phone Store
Microsoft ได้ทำการเปลี่ยนหน้าตาของ Store ใหม่ทั้งหมดให้ดูน่าใช้งาน และน่าค้นหามากยิ่งขึ้น สามารถแนะนำแอพพลิเคชั่นที่เหาะสมหรือคล้ายคลึงกับการใช้งานของเราได้ พร้อมทั้งมีฟังก์ชั่น Auto Update ให้เราสามารถเลือกอัพเดตแอพพลิเคชั่นอัตโนมัติได้หากเราต่อไวไฟ รวมถึงเพิ่มฟังก์ชั่น My App ให้เราสามารถเข้าไปดาวน์โหลด ดูประวัติการโหลดแอพ และจัดการแอพพลิเคชั่นที่เราเคยดาว์นโหลดเอาไว้ได้ทั้งหมดได้
- Sound
สิ่งที่ลูกค้า Windows Phone เรียกร้องกันมาอันดับต้นๆ ก็คือเรื่องการปรับแต่งเสียง ในเวอร์ชั่นนี้ เราสามารถปรับระดับเสียง Ringer + Notifications แยกจากเสียง Media + Apps ได้แล้วโดยการกดปุ่มเพิ่มหรือลดเสียง แล้วกดลูกศร ลง ที่อยู่มุมบนขวา เพื่อเรียกแถบปรับเสียงออกมา ยังไม่เท่านั้น เรายังสามารถปรับแต่งและตั้งค่าเสียงแจ้งเตือนของแต่ละแอพพลิเคชั่นที่มีบนมือถือเราได้ตามที่ใจต้องการอีกด้วย
- People Hub
ในเวอร์ชั่นใหม่นี้ Facebook จะถูกแยกออกมาเป็นแอพตัวหนึ่ง (ไม่ถูกฝังเข้าไปในระบบเหมือนเก่าอีกแล้ว ข้อดีของมันคือไม่กินทรัพยากรในเครื่องมากและสามารถอัพเดตความสามารถใหม่ๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น ไม่ต้องรอ OTA Update อีกต่อไป) โดยเมื่อเรากดเข้าไปในลิ้งค์ หรือโพสใดๆ ของเพื่อนเรา ตัวระบบจะลิ้งค์ไปยัง Facebook โพสนั้นๆ ให้โดยอัตโนมัติ พร้อมทั้งจะแสดงผลหน้า what’s new แบบใหม่ ให้ดูง่ายขึ้น และ โชว์ลิ้ง ภาพ วิดีโอ หรือโพส แบบเต็มไทม์ไลน์อีกด้วย
- IE11
Browser IE11 ในเวอร์ชั่นนี้พูดได้ว่าเพิ่มความสามารถแทบครอบจักรวาล ไม่ว่าจะเป็นการซิงค์บุคมาร์กจาก PC, Tablet และมือถือของเรา / Reading Mode ที่จะทำการเปลี่ยนหน้าเพจต่างๆ ให้เป็นโหมดอ่านหนังสือ ทำให้การอ่านบทความต่างๆ ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น / เพิ่มประสิทธิภาพความเร็วและความปลอดภัย / สามารถอัพโหลดและดาว์นโหลดไฟล์ต่างๆ ผ่านหน้า Browser ได้ (ขอร้องไห้อีกรอบ T^T) / InPrivate Made โหมดการท่องอินเตอร์เน็ตแบบปลอดภัย โดยไม่ทิ้งร่องรอยหรือข้อมูลใดๆ เอาไว้หลังจากใช้งาน / จดจำ Password ที่เราใช้ล็อคอิน หรือเข้าเว็บไซท์ต่างๆ ได้ (เปิด ปิดได้) / เปิดแท็บได้จำนวนไม่จำกัด (เหมือน IE11 เวอร์ชั่น Desktop) / เล่นวิดีโอ YouTube ได้บนหน้าเว็บไซท์ (ไม่จำเป็นต้องเปิดเต็มจออีกต่อไป)
ส่วนฟังก์ชั่นอื่นๆ ก็มีอีกมากมายครับ
- การแสดงผลหน้าจอ Windows Phone ไปยังอุปกรณ์อื่นๆ ผ่าน สัญญาณไวไฟ และ USB
- การซิงค์โครไนซ์การตั้งค่า, รูปแบบการจัดเรียง LiveTiles, สี Theme, รูป Lock Screen กรณีเราเปลี่ยนเครื่องใหม่ โดยที่เราไม่ต้องเข้าไปตั้งค่าใดๆ เลย แม้แต่น้อย
- ปรับปรุงระบบ Calendar ใหม่ให้ใช้งานง่ายขึ้น เพิ่มมุมมองรายสัปดาห์แบบ Week View
- รวมระบบ Skype เวอร์ชั่นใหม่เข้าไปในระบบ
- รองรับระบบ VPN และ MDM สำหรับลูกค้าองค์กร
- รองรับการใช้งาน 2 ซิม
- รองรับการใช้งาน On Screen Keyboard หรือ 3 ปุ่มเสมือนบนหน้าจอ พร้อมทั้งสามารถเปลี่ยนสีได้ตามสี Theme หรือ โปรแกรมที่เราใช้อยู่
- Quiet Hours โหมดปิดการแจ้งเตือนทั้งหมดในกรณีที่เราไม่ต้องการใช้งานเครื่อง เช่น นอนหลับ หรืออยู่ในโรงหนัง โดยที่เราสามารถตั้งเวลาให้เครื่องเปิด ปิด โหมดนี้ได้โดยอัตโนมัติ
- กล้องถ่ายภาพที่ถูกออกแบบใหม่ ให้มีความสามารถเพิ่มมากขึ้น เช่นถ่ายภาพรัวต่อเนื่อง และสามารถปรับแต่งปุ่มการปรับค่าต่างๆ ได้ตามใจชอบ
- Keyboard ที่ถูกปรับขนาดให้เหมาะสมกับหน้าจอ ไม่กินเนื้อที่ และสามารถพิมพ์ข้อความแบบ Swype ได้ (ภาษาไทยยังไม่สามารถใช้งานฟังก์ชั่นนี้ได้)
- Email สามารถตั้งค่าให้ดาวน์โหลดรูปภาพและเนื้ออีเมลได้ รวมถึงรองรับการเปิดอีเมลที่ต้องเข้ารหัสได้ด้วย
- Microsoft Office ที่เราสามารถเปิดไฟล์ที่ถูกเข้ารหัสเอาไว้ได้แล้วเช่นกัน
- การ Capture หน้าจอเปลี่ยนจากการการ Windows + Lock ไปเป็น Volume Up + Lock (ผมว่าแบบเก่าง่ายกว่านะ = =”)
- ระบบ Picture แบบใหม่ โดยหน้าแรกจะโชว์รูปทั้งหมดที่อยู่ในเครื่องเลยเมื่อเข้าโปรแกรม ไม่ต้องกดเลือกอัลบัมก่อนแล้ว หากจะเลือกอัลบัม สามารถปัดไปด้านข้างได้ (สะดวกและใช้งานง่ายกว่าเดิม)
เป็นไงกันบ้างครับจุใจสาวก Windows Phone กันมั้ยเอ่ย ที่เป็นฟีเจอร์หลักๆ เท่านั้น ซึ่งผมเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาปล่อยเวอร์ชั่นจริงออกมา จะมีฟังก์ชั่นอื่นๆ ที่เพิ่มเติม และมีความสมบูรณ์มากขึ้นอีกเยอะมากครับ ตอนนี้ผมขอตัวไปโหลด Windows Phone 8.1 เวอร์ชั่น Developer ก่อน ถ้ามีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมผมจะนำมาอัพเดตในนี้ทันทีครับ 😉
