MacBook Pro vs. Surface Book รุ่นปี 2016 ใครดีกว่ากัน?

0 575

surfacebook-vs-macbookpro-2016-thai

อาทิตย์นี้ทั้งแอปเปิ้ลและไมโครซอฟท์ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊คของตัวเองรุ่นใหม่ล่าสุด ทั้งสองเจ้านั้นมีสเปกที่ใกล้เคียงกัน แต่ต่างกันตรงเรื่องทัชสกรีน ไมโครซอฟท์จะเน้นไปที่เรื่องทัชสกรีนหน้าจอและใช้ปากกาบนหน้าจอไปเลย ส่วนแอปเปิ้ลจะมี Touch Bar อยู่ตรงบริเวณคีย์บอร์ดแทน เรามาดูสเปกเปรียบเทียบทั้งคู่กันก่อนครับ

surfacebook-vs-macbookpro-2016

สเปกโดยรวม

จะเห็นว่าทั้ง MacBook Pro และ Surface Book ใช้ CPU 6th Gen Core i5 และ i7 แต่ถ้านับเฉพาะปี 2016 จริง ๆ Surface Book จะมีแต่รุ่น i7 (จะเขียนต่อท้าย Surface Book with Performance Base) เท่านั้น ด้านกราฟิค ฝั่ง Surface Book จะใช้ Intel HD graphics และ การ์ดจอ Nvidia GTX 965M graphics ส่วน MacBook Pro 13 นิ้ว ใช้ Intel Iris ขณะที่ 15 นิ้ว ไปใช้ Radeon Pro 450, 455 ซึ่งถ้าวัดตามประสิทธิภาพ ฝั่ง Radeon Pro จะดีกว่า แต่อันนี้คงแล้วแต่ความชอบว่าเราอยากใช้ Nvidia หรือ AMD มากกว่า

ด้านความละเอียดหน้าจอ จะเห็นว่า Surface Book (3000 x 2000 pixel) แม้จะไม่มีขนาดจอ 15 นิ้ว แต่ก็ชนะความละเอียดหน้าจอของ MacBook Pro ทั้ง 13 นิ้ว (2560 x 1600 pixel) และ 15 นิ้ว (2880 x 1800 pixel)

สเปคพิเศษ

แอปเปิ้ลเคยกล่าวว่าโน้ตบุ๊คทัสกรีน เป็นอะไรที่น่าตลกและไม่คิดจะทำ MacBook Pro รุ่นใหม่จึงกลายมาเป็น Touch Bar ทัชสกรีนเล็ก ๆ ตรงคีย์บอร์ดแทน ขณะที่ Surface Book เป็นทัสกรีนแบบเต็มจอแล้วถอดจอได้แทน ซึ่งฟีเจอร์ Touch Bar ใหม่นี้ไม่ใช่แค่แอปเปิ้ลเท่านั้นที่มี เพราะทางไมโครซอฟท์ก็มี Surface Dial ที่สามารถใช้งานกับ Surface Book ได้เช่นกัน (แต่ Surface Dial ต้องซื้อเพิ่มที่ $99.99) ดังนั้นอาจไม่ใช่ฟีเจอร์หลักของ Surface Book เพราะสามารถถอดจอออกมาเป็นแท็บเล็ตและใช้ปากกาอยู่แล้ว

touchbar-vs-surfacedial

สิ่งหนึ่งที่ MacBook Pro เพิ่มเข้ามาใน Touch Bar นั่นก็คือ Touch ID ที่เป็นการยืนยันตัวตนแบบใช้ลายนิ้วมือ ทางด้าน Surface Book แม้จะไม่มีฟีเจอร์ดังกล่าว แต่สามารถยืนยันตัวตนผ่านการสแกนม่านตาจากฟีเจอร์ Windows Hello ได้แทน และใช้ฟีเจอร์นี้ในการปลดล็อคเครื่องเหมือนกัน อาจมีสิ่งหนึ่งที่ Touch ID เหนือกว่าคือ Apple Pay ที่เป็นจุดเด่นของ Touch ID ซึ่งถ้าอนาคตไมโครซอฟท์มี Microsoft Pay ก็คงทำตามได้ไม่ยากนักผ่าน Windows Hello เช่นกัน

แบตเตอรี่

เห็นได้ชัดว่าแบตเตอรี่ของทางฝั่ง Surface Book จะเยอะพอสมควรที่การใช้งานต่อเนื่อง 12 ชั่วโมง ยิ่งเป็นรุ่น i7 ที่เพิ่งออกมานี้ ใช้งานได้นานถึง 16 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ทางฝั่ง MacBook Pro ได้เคลมว่าทุกรุ่นอยู่ได้ 10 ชั่วโมง

พอร์ตเชื่อมต่อ

แอปเปิ้ลเปลี่ยนพอร์ต MacBook Pro ทุกอย่างให้กลายเป็น Thunderbolt 3 (USB-C) แบบเดียวทั้งหมด 4 พอร์ต (รุ่น 13 นิ้วแบบไม่มี Touch Bar จะเหลือแค่ 2 พอร์ต) ซึ่งข้อดีของพอร์ตนี้สามารถเชื่อมต่อได้สารพัดพอร์ตแม้กระทั่งชาร์จไฟ แต่ข้อเสียที่ตามมาก็คือ อาจต้องซื้อตัวแปลงพอร์ตเยอะหน่อย สำหรับอุปกรณ์เก่าๆ #แต่ยังมีพอร์ตหูฟังนะ

ส่วนทาง Surface Book นั้นจะเป็นพอร์ตที่ค่อนข้างคุ้นชินกันเหมือนเดิมคือ USB 3.0 แบบเต็มสองพอร์ต ตัวอ่าน SD Card แบบเต็ม พอร์ต Mini Display เป็นต้น

ราคาและการปรับแต่ง

ราคาเริ่มต้นของ MacBook Pro 13 นิ้วอยู่ที่ $1499 แบบยังไม่มี Touch Bar ถ้าอยากได้ ต้องเริ่มที่ $1799 ที่สเปก CPU i5, RAM 8GB, SSD 256GB และการ์ดจอออนบอร์ด Iris ส่วนทาง Surface Book เริ่มต้นเพียง $1349 แต่สเปกจะลดไปนิดหน่อยที่ CPU i5, RAM 8GB, SSD 128GB และการ์ดจอออนบอร์ด HD #แต่ยังได้ทัชสกรีนเต็มจอนะ

พอมองไปที่รุ่นท็อปสุดของแต่ละสาย ที่ MacBook Pro 15 นิ้ว กับ Surface Book i7 (with Performance Base) ราคาเท่ากันที่ $2,399 ต่างกันที่ไมโครซอฟท์ให้โน้ตบุ๊คที่ถอดจอเป็นแท็บเล็ตได้ ส่วนแอปเปิ้ลจะให้ขนาดจอ 15 นิ้วและมีลูกเล่นอย่าง Touch Bar แทน

ในราคาเท่าที่ $2,399 นั้น MacBook Pro มีสเปกที่ CPU i7, RAM 16GB, SSD 256GB และการ์ดจอ Radeon Pro 450 2GB ส่วนของ Surface Book มีสเปกที่ CPU i7, SSD 256GB และการ์ดจอ Nvidia GTX 965M แต่ RAM เพียง 8GB

แต่ทั้งสองเจ้าก็ยังสามารถปรับแต่งรุ่นท็อปนี้เพิ่มไปได้อีกเรื่อย ๆ ตามความพอใจของเรา #ถ้าเรายังท็อปไม่พอ ซึ่ง Surface Book ปรับสุดอยู่ที่ราคา $3,299 ส่วน MacBook Pro ปรับสุดอยู่ที่ราคา $4,299

สรุป

จากทั้งหมดที่กล่าวมา เราไม่สามารถฟันธงตอบได้ว่าอะไรมันดีกว่า เพราะมัน ดีคนละแบบ ทั้งคู่ต่างก็มีความสามารถที่ผสมผสานระหว่างความเร็ว, การใช้งานแบบต่างๆ, แนวทางการอัพเดต รวมถึง ecosystem ที่เราคุ้นเคยต่างกันไป ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้งานของเราโดยรวมว่าเราเหมาะสมกับแพลตฟอร์มไหนมากกว่า

แต่ที่ชัดเจนในงานที่ผ่านมาคือ ไมโครซอฟท์กำลังเดินหน้าไปที่ทัชสกรีนและการใช้ปากกาและมี Surface Dial ที่มาเพิ่มลูกเล่นให้เราใช้งานทัสกรีนได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น ทางฝั่งแอปเปิ้ลก็มี Touch Bar ที่น่าสนใจและใช้งานได้หลากหลายตามแอปที่เปิดใช้งาน เพิ่มความสะดวกสบายต่างๆ ให้ผู้ใช้

ดังนั้นผู้ใช้คือตัวคุณเอง ที่คิดว่าซื้ออะไรดีกว่ากันนะ? 😀

อ้างอิง : Apple, Microsoftlaptopmag

ความคิดเห็น
Loading...