หลังจากจบงาน #MicrosoftEDU สิ่งหนึ่งที่เป็น Talk of the town ช่วงนี้คงหนีไม่พ้นผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Surface ในนาม Surface Laptop แล็บท็อปที่ไมโครซอฟท์ทำออกมาได้อย่างพรีเมี่ยมตามแบบฉบับกลุ่มผลิตภัณฑ์ Surface ที่ผ่านๆ มาอย่าง แท็บเล็ต Surface Pro, โน้ตบุ๊ค Surface Book,และออลอินวันพีซี Surface Studio ทำให้บางคนสงสัยว่า ราคาเริ่มต้นที่ประกาศออกมา ($999 หรือประมาณ 35,000 บาท) นั้นเป็นราคาที่นักเรียน/นักศึกษาเอื้อมถึงจริงหรือ?
Surface Laptop เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายการศึกษาจริงหรือ?
ถ้ามองในมุมของฝ่ายไอทีในสถาบันการศึกษา ปัจจัยสำคัญในการพิจารณาซื้อฮาร์ดแวร์ในองค์กรการศึกษาคงเป็นเรื่อง “ราคา” อันดับหนึ่งเป็นส่วนใหญ่ เพราะมีเรื่องงบประมาณที่มักจะถูกจำกัดมาเกี่ยวข้อง ซึ่งตรงนี้ทางฝั่ง Chromebooks ของกูเกิลก็กำลังตีโจทย์ได้ดี
แต่ขณะเดียวกัน ฝ่ายไอทีกลับไม่ค่อยดูเรื่องฟังก์ชั่นการใช้งานและสเปกเครื่องโดยรวมที่ผ่านมาเท่าไหร่ อย่างเช่นระบบปฏิบัติการ Windows กับ Chrome OS ซึ่งถ้าเทียบจำนวนแอปที่มีประสิทธิภาพสูงๆ ระหว่างสองแพลตฟอร์มนี้ ฝั่ง Windows ก็ยังถือไพ่เหนือกว่าพอสมควร ดังนั้น Surface Laptop จึงเป็นเหมือนสิ่งที่ทำให้การศึกษาตื่นตัวหันมาสนใจในเรื่องนี้ แต่ก็ยังติดอยู่ที่ ราคาต่อเครื่องของ Surface Laptop อยู่ในช่วงที่แพงเกินไป
นำเสนอ Windows 10 S ให้คู่ค้า
ทางแก้เกมของไมโครซอฟท์ที่จะแย่งชิงตลาดการศึกษา คือการเปิดตัว Windows 10 S ระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ที่จำกัดให้ลงแอปผ่าน Windows Store เท่านั้น เป็นผลให้ราคาลิขสิทธิ์วินโดว์ต่อเครื่องถูกลงได้ ทำให้แบรนด์คู่ค้าที่ทำฮาร์ดแวร์อย่างเช่น Dell, HP, Samsung, Fujitsu, Acer หันมาลงแข่งตลาดการศึกษาที่ Chromebooks กำลังครอบครองอยู่ โดยไมโครซอฟท์เผยว่า สามารถทำให้ราคาต่อเครื่องเริ่มต้นได้ที่ $189 เท่านั้น (ประมาณ 6,650 บาท)
ส่วน Surface Laptop ไมโครซอฟท์คงแค่ทำเพื่อโชว์ ไม่เน้นขาย เพราะด้วยราคาและการออกแบบที่ดีกว่าเจ้าอื่นๆ ในตลาด ซึ่งไมโครซอฟท์ได้เดินตามยุทธศาสตร์ที่ผ่านๆ มาของกลุ่มผลิตภัณฑ์ Surface อยู่แล้วคือการทำให้ดี ทำให้หรู ดูแพง เพื่อให้แบรนด์คู่ค้าได้ออกผลิตภัณฑ์กลุ่มเดียวกันในราคาที่ถูกลง
สรุป
แนวทางของไมโครซอฟท์นั้นค่อยๆ สนับสนุนการศึกษาในทางอ้อมมาพอสมควร เช่น การอัพเดตใหญ่ที่ผ่านมา Creator Update ที่ส่งเสริมให้ผู้ใช้งานมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้นผ่านรูปแบบสามมิติ การใช้จอสัมผัสและปากกา มีแอปพลิเคชั่นที่ส่งเสริมการเรียนรู้สามมิติอย่าง Paint 3D เป็นต้น
สุดท้ายนี้คงต้องรอดูกันต่อไปว่า กลุ่มตลาดการศึกษา ไมโครซอฟท์จะมีบทบาทเพิ่มขึ้นอย่างไร และแนวทางที่แบรนด์คู่ค้ามีความรู้สึกต่อ Windows 10 S นั้นจะเป็นอย่างไร